แมนยูพบลิเวอร์ สำหรับเกมการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ แฟนบอลทั่วทั้งโลกต่างทราบรับทราบกันดีว่าแห่งศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษที่ว่ามานี้ต่างมีความสำคัญกับเราทีมสมาคมยักษ์ใหญ่ด้านในอีกด้วยเหตุว่าเป็นการตัดแต้มกันเอง ทั้งเป็นการทำคะแนนฉีกหนีคู่ปรับชมรมร่วมลีกได้อย่างดีพอสมควร

แมนยูเจอลิเวอร์ ศึกแดงเดือดที่ห้ามพลาด
แต่ว่าถ้าเกิดเอ๋ยถึงเกมสำคัญที่ศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ แมนยูเจอลิเวอร์ พูล ที่น่าเชื่อเลยว่าแฟนบอลทั่วทั้งโลกต่างให้ความเอาใจใส่และจับตาเกือบทุกฤดูกาล 2 สมาคมที่กำลังจะกล่าวถึงนั้นเป็นการเจอกันระหว่าง แมนยูกับลิเวอร์ พูล นับเป็น 2 สมาคมที่มีตำนานแล้วก็ความใหญ่โตมาเนิ่นนานนับร้อยปี ซึ่งคนทั่วโลกให้การเฝ้าดูเกมการประลองบิ๊กแมตช์และก็ให้คำขวัญเกมใหญ่เกมนี่ว่าศึกแดงเดือด เหตุผลที่ศึกบิ๊กแมตช์ระหว่างการเจอกันของแมนยูและก็ลิเวอร์พูลที่ได้สมญานามว่าศึกแดงเดือดโน่นก็ได้มาจากคุณลักษณะเด่นของทั้งคู่ทีมที่ใช้สีประจำสมาคมนั่นคือสีแดงและมีสมญานามที่ใกล้เคียงกันซึ่งก็คือภูติผีปีศาจแดงและหงส์แดงแดง

สำหรับความใหญ่โตถ้าย้อนลงไปโดยประมาณ 40-50 ปีหลังสุดแน่นอนว่าทุกคนไม่อาจจะไม่ยอมรับได้เลยว่าแมนยูคือทีมที่บรรลุเป้าหมายสูงที่สุดในเกาะอังกฤษเลยก็ว่าได้ ซึ่งแน่นอนว่าหงส์แดงก็กลายเป็นยักษ์หลับที่อยู่ภายใต้ร่มเงาความใหญ่โตของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมาตลอดนับ 30 กว่าปี แม้กระนั้นหลังที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด drive ผู้จัดการทีมฝีมือดีอย่างเซอร์อเล็กซ์เฟอร์กูสันป้ายประกาศรีไทร์เพื่อกลับไปปฏิบัติภารกิจผัวและสร้างความสบายให้กับภรรยาที่ตัวเองรักในวัย 70 ถ่ายทอดสดฟุตบอล กว่าปี คงจะให้มาดูพบกับยุคตกต่ำที่เรียกได้ว่าต่ำถึงต่ำสูงที่สุด กล่าวได้ว่า แมนยูเจอลิเวอร์ การพบกันครั้งนี้ถือได้ว่าลีกที่จะต้องจัดแจงอย่างยิ่ง

โปรแกรมที่ลิเวอร์พูลจะลืมหน้าอ้าปากขึ้นมาได้ภายใต้การคุมทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ โดย คล็อปป์ เข้ามาคุมทีมหงส์แดงเมื่อปี 2015 ก่อนจะพาทัพลิเวอร์พูลพุ่งเข้าชนการบรรลุเป้าหมายครอบครองแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกได้เป็นยุคที่ 6 ในซีซั่น 2018-2019 ต่อไปทักมาอีก 1 season หงส์แดงก็สามารถพุ่งชนการบรรลุเป้าหมายได้แชมป์พรีเมียร์ลีกที่คอยมานานกว่า 30 ปีลงได้เสร็จ แล้วก็นับเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกยุคที่ 19 ของลิเวอร์พูลตามหลังแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอยู่ 1 ยุค

ซึ่งสำหรับสถานการณ์ในขณะนี้เวลานี้ก็ต้องบอกได้เลยว่าลิเวอร์พูลยังคงเป็นทีมที่มีความแข็งแกร่งและมีความพร้อมเพรียงในทุกด้านที่มากกว่า manchester united แล้วเราก็น่าไว้วางใจว่าหงส์แดงยังสามารถครอบครองแชมป์ได้อีกมากมายในอีกราวๆ 3-4 ปีที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ภายใต้การควบคุมทัพของผู้จัดการทีมชำนาญชาวเยอรมัน เจอร์เก้น คล็อปป์